วันนี้แอดเอาความสำเร็จจากคุรอนงค์ ชุมภูทัน เจ้าของสวนส้ม อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ขึ้นชื่อว่ามีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงและเป็นศูนย์กลางของความเจริญในเขต จ.เชียงใหม่ตอนบน มีประชากรเป็นอันดับสองของ จ.เชียงใหม่ แล้วยังเป็นต้นกำเนิดของ “ ส้มสายน้ำผึ้ง ” และเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของ อ.ฝาง นอกจากนี้สวนส้มที่นี่ยังกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยว สวนส้มเชียงใหม่ กันเป็นจำนวนมากต่อปี สวนส้ม สายน้ำผึ้ง ของเกษตรกรฝีมือดีคนหนึ่งที่มีกระบวนการดูแล สวนส้ม ให้ได้ผลผลิตทั้งปี ผลผลิตรวม 4,000-5,000 ตะกร้า สร้างรายได้อย่างงามภายใต้ประสบการณ์ที่ทำ สวนส้ม มานานกว่า 16 ปี
สำหรับ วิธีปลูกส้ม และการดูแลรักษา สวนส้ม ป้านงค์จะเน้น การปลูกส้ม ในระยะ 3×5 เมตร มีการวางระบบน้ำให้กับ ส้ม ทุกต้นแบบมินิสปริงเกลอร์ มีแหล่งน้ำที่สมบูรณ์เนื่องจากพื้นที่ของ อ.ฝาง มีแหล่งน้ำใต้ดินที่ตื้นกว่าที่อื่น หากต้นพันธุ์สมบูรณ์และมีการดูแลที่ดีจะทำให้ ต้นส้ม บางต้นออกลูกได้เป็นครั้งแรกเมื่อมีอายุตั้งแต่ 2 ปีเต็มขึ้นไป เพื่อฝึกให้ต้นส้มเรียนรู้ที่จะติดดอกออกผลผลิตได้และให้ผลผลิตได้ในปริมาณมากขึ้นเมื่อมีอายุครบ 3 ปี เน้นป้องกันเพลี้ยไฟทำลายยอดด้วยสารเคมีอิมิดาโคลพริดที่จะทำให้ต้นส้มแคระแกรนและไม่คอยโตได้ แต่ ต้นส้ม จริงๆแล้วจะเริ่มให้ผลผลิตได้เต็มที่ เมื่อต้นส้มมีอายุตั้งแต่ 4 ปีขึ้นไปที่สามารถเก็บผลผลิตขายในเชิงการค้าได้ทั้งรสชาติและคุณภาพผลผลิตที่ออกมาสู่ตลาด
การปลูกส้ม สายน้ำผึ้ง
วิธีปลูกส้ม การดูแลและบำรุงรักษา ต้นส้ม จะมีขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งปีหลังจากที่เริ่มเก็บผลผลิตได้ในครั้งแรก โดยจะเริ่มต้นจากการตัดแต่งกิ่งหลังจากฤดูการเก็บเกี่ยวผลผลิต โดยตัดแต่งกิ่งส้มจะเลือกกิ่งแขนงที่ไม่สมบูรณ์ ตัดกิ่งที่อ่อนแอ กิ่งที่มีใบน้อยทิ้งไปตัดยอดเพื่อให้ต้นส้มเตี้ยลง เน้นตัดแต่งกิ่งให้โปร่งประมาณ 4-5 ส่วน/ต้น เพื่อง่ายต่อการเก็บเกี่ยวผลผลิต ประหยัดค่าแรงและแรงงานในการเก็บผลผลิต หลังตัดแต่งกิ่งได้ประมาณ 7 วันจะฉีดพ่นอาหารเสริมพืชเพื่อให้ต้นส้มเริ่มแตกตาดอก 3-5 วัน ก่อนที่ดอกจะบานใช้เวลาไม่ถึงเดือน เพราะดอกส้มจะออกเร็ว 3-5 วัน หลังดอกบานได้ประมาณ 5 วัน ดอกก็จะร่วง จึงต้องดูแลในส่วนนี้ให้มากกว่าช่วงที่เป็นผลอ่อนเพราะถ้าผลผลิตจะเสียก็จะเสียตอนออกดอกนี้เองทางสวนจึงต้องดูแลให้ดีเป็นอย่างมากช่วงออกดอก เพราะช่วงออกดอกนั้นจะทำให้เกิดไรแดงได้ง่าย จึงต้องดูแลเป็นอย่างดี หลังจากนั้นส้มจะเริ่มแตกใบอ่อนที่จำเป็นต้องรักษาใบอ่อนด้วยการใส่ปุ๋ยดิน ฉีดพ่นทางด้วยปุ๋ยเกล็ดและสาหร่ายจะช่วยให้ส้มมีใบและดอกที่แข็งแรงและสมบูรณ์ขึ้น มีการใช้สารเคมีป้องกันหรือกำจัดเพลี้ยไฟและไรแดงจำพวกที่ชอบเข้าทำลายใบอ่อน ดอกส้มและผลอ่อนของส้มอยู่เป็นประจำ การป้องกันไว้ก่อนจะดีกว่าแก้ปัญหาภายหลังที่ทำได้ค่อนข้างยากลำบากกว่า เน้นใส่ปุ๋ยคอกหรือขี้หมูที่ได้จากการเลี้ยงหมูขุนเอาไว้เพื่อให้ได้ขี้หมูใส่ต้นส้มทุกปี ใส่ปุ๋ยอินทรีย์เม็ดเพื่อปรับสภาพดินให้ดี ใส่ปุ๋ยเคมีเพื่อบำรุงต้นและใบให้สมบูรณ์ มีการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ 2-3 ครั้ง/สัปดาห์ ครั้งละ 15 นาที จะทำให้ต้นส้มมีใบอ่อนที่สมบูรณ์เปลี่ยนเป็นใบแก่ที่พร้อมจะแทงช่อดอกออกมาเมื่อต้นส้มได้รับน้ำและได้สัมผัสกับอากาศที่เหมาะสม ก่อนบำรุงช่อดอกด้วยปุ๋ยคอก ฮอร์โมนและอาหารเสริมทางใบ ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 เพื่อบำรุงทางดินเดือนละ 1 ครั้ง เพราะส้มจะมีลักษณะการกินโดยใช้รากฝอยหากินลงไปไม่ลึกจากหน้าดิน การฉีดพ่นสารเคมีป้องกันเชื้อราและเพลี้ยไฟเข้าทำลายช่อดอกให้เสียหาย
ผลผลิตและราคา ส้มสายน้ำผึ้ง
ทำให้ผลผลิตในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 4,000-5,000 ตะกร้า ในราคาเฉลี่ย 35 บาท/กก. มีรายได้หลายล้านบาทต่อปี ส่วนราคาในปีนี้คุณอนงค์บอกว่า น่าจะดีกว่าปีที่แล้ว ผลผลิตคละไซซ์อยู่ที่ 40-50 บาท/กก.
จุดแข็งคือให้ผลผลิตที่ดีอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่เกิดจากสภาพดินที่ดี มีพื้นที่เหมาะสม มีภูมิอากาศที่ดี ทำให้ต้นส้มติดดอกออกผลง่าย ให้ผลผลิตที่ดีทั้งรสชาติ สีสันและขนาดที่ดีกว่าที่อื่น ส่วนจุดอ่อนนั้นคงอยู่ที่การตลาดของที่นี่เกษตรกรต้องทำผลผลิตให้มีคุณภาพ ต้องวางแผน การปลูกส้ม และดูแลให้เหมาะสม “คนบางคนมองว่าทำไมเรามี วิธีปลูกส้ม ทำส้มลูกใหญ่ ทำไมไม่ทำส้มลูกเล็ก แต่ป้าเป็นเกษตรกร ป้าก็ต้องทำส้มให้ลูกใหญ่ไว้ก่อน ถึงอย่างไรลูกเล็กก็ขายได้กิโลกรัมละ 20 บาท แต่ลูกใหญ่ขายได้กิโลกรัมละ 25 บาท ใช้แรงงานเราเองเพียงไม่กี่คนจะเก็บได้เพิ่มอีก 5 บาท” ป้านงค์ย้ำถึงจุดยืนในการปลูกส้ม ซึ่งข้อดีของการทำ สวนส้ม คือ ส้มให้ผลผลิตได้ตลอดทั้งปี
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลจาก : https://bit.ly/3pIY1SH
コメント