ระยะปลูกที่เหมาะสมสำหรับส้มโอ
คุณสมเจต เล่าว่า เรื่องของระยะปลูกส้มโอก็คงแล้วแต่ชาวสวนและการจัดการของแต่ละคน เช่น ชาวสวนที่มีพื้นที่ปลูกมาก ก็ระยะ 8×8 เมตร แต่ชาวสวนบางคนก็อาจจะปลูกระยะชิด 4×4 เมตร หนึ่งเพื่อใช้พื้นที่ปลูกให้คุ้มค่ามากที่สุด ได้จำนวนต้นที่มาก ได้ผลผลิตดีในช่วงแรก โดยปล่อยให้ต้นส้มโอติดผลเมื่ออายุยังน้อย เพื่อเอาผลผลิตก่อน แต่ต้องบริหารตัดแต่งควบคุมทรงพุ่มให้ดี เนื่องจากอายุต้นส้มโอได้สัก 4-5 ปี พุ่มก็จะชนกัน ทำงานลำบาก ต้องขยันแต่งทรงพุ่ม ก็ค่อยมาตัดต้นส้มโอออกต้นเว้นต้นเพื่อให้ระยะปลูกเปลี่ยนเป็น 8×8 เมตร หรือเมื่อก่อนเคยทดลองปลูกระยะ 8×4 เมตร ก็คุมทรงพุ่มได้ราวๆ 6-7 ปี สุดท้ายก็ต้องตัด เพราะทรงพุ่มชนกัน ใบส้มโอบังร่มเงากัน ก็จะส่งผลต่อการออกดอก
แต่ก่อนที่จะตัดก็ได้ทดลองตัดแต่งทรงพุ่มแบบหนัก ตัดแบบครึ่งต้นเพื่อให้พุ่มส้มโอเตี้ย ผลปรากฏว่าต้ที่ตัดแต่งหนักนั้นมีแต่กิ่งกระโดง ไม่ออกดอกติดผลนานมากกว่า 2 ปีทีเดียว ซึ่งส้มโอเป็นผลไม้ที่ตัดแต่งกิ่งหนักไม่ได้เลย จะทำให้ชะงักไม่ออกผลนานทีเดียว ส่วนตัวคิดว่า ปลูกระยะ 8×8 เมตร ลงตัวที่สุด ก็กว่าทรงพุ่มจะชนกันก็ราวๆ 10 ปีขึ้นไป ซึ่งส้มโอพอจะให้ผลบ้างในปีที่ 3 (ถ้าดูแลดี) แต่โดยมากจะไว้ผลกันในช่วงปีที่ 4 และจะเริ่มดีเต็มที่ตั้งแต่ปีที่ 7 ขึ้นไป
การใส่ปุ๋ยส้มโอปลูกใหม่ และส้มโอที่พร้อมกำลังเริ่มให้ผลผลิตเต็มที่
ส้มโอ ควรใส่ทั้งปุ๋ยเคมีและปุ๋ยคอกควบคู่กันไป ในระยะที่ส้มโออายุ 1-3 ปี หรือยังไม่ให้ผล ให้ใส่ปุ๋ยคอกเก่าผสมกับปุ๋ยเคมี สูตร 15-15-15 ปุ๋ยเคมี ใช้อัตรา 300-500 กรัม ต่อต้น ต่อครั้ง โดยเป็นไปได้ควรใส่น้อยแต่บ่อยครั้ง เช่น ใส่ 3-4 ครั้ง ต่อปี เมื่อส้มโอให้ผลแล้วเมื่ออายุ 4 ปีขึ้นไป การใส่ปุ๋ยจะแตกต่างกันไปตามช่วงของการออกดอกติดผล กล่าวคือ หลังจากเก็บเกี่ยวผลแล้วจะให้ปุ๋ย สูตร 15-15-15 เพื่อช่วยให้การเจริญเติบโตของผลดีขึ้น จนกระทั่งผลมีอายุได้ 5-6 เดือน ให้ใส่ปุ๋ย สูตร 13-13-21 เพื่อช่วยให้ผลมีการพัฒนาด้านคุณภาพของเนื้อดีขึ้น มีความหวานมากขึ้น
สูตรเปิดตาดอกส้มโอ
ก่อนเปิดตาดอก ชาวสวนก็ต้องดูแลใส่ปุ๋ยทางดิน เช่น ปุ๋ยเคมี สูตร 8-24-24 และฉีดพ่นทางใบ ปุ๋ยทางใบ สูตร 0-52-34 ช่วงก่อนการงดน้ำ หลังจากงดน้ำได้สัก 1 เดือน หรือสังเกตความพร้อมของใบว่าแก่มีสีเขียวเข้มดีหรือไม่ การเปิดตาดอกส้มโอก็เน้นการใช้ปุ๋ยทางใบ สูตร 13-0-46 ใช้ร่วมกับฮอร์โมนพวกสาหร่าย แคลเซียม-โบรอน เพื่อกระตุ้นการเกิดยอดพร้อมการออกดอก อาจจะเปิด 2-3 ครั้ง ทุกๆ 5-7 วัน เพื่อให้ส้มโอออกดอกอย่างเต็มที่
เพลี้ยไฟ ก็เน้นใช้สารเคมีที่มีคุณภาพสูง เช่น ช่วงดอก-ช่วงผลอ่อน ก็จะใช้สารพวกอิมิดาคลอพริด เป็นหลัก ส่วนช่วงอื่นๆ เช่น ช่วงใบที่ไม่สำคัญมากก็จะใช้ยาฆ่าแมลงถูกๆ ทั่วไปเท่านั้น เพื่อไม่ให้ต้นทุนการผลิตสูงจนเกินไป การฉีดยาก็จะใช้รถแอร์บัสทั้งหมด ซึ่งส้มฉีดยาค่อนข้างบ่อย ทำให้แรงงานในการฉีดยาค่อนข้างหายาก เกือบทุกสวนตอนนี้ก็ต้องใช้รถแอร์บัสเข้ามาแทนที่ทั้งหมดแล้ว ซึ่งมีประสิทธิภาพดี ที่สำคัญประหยัดการใช้ยาเกือบเท่าตัวทีเดียว
เมื่อผลพัฒนาเต็มที่ สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือ เรื่องของการฉีดพ่นสารป้องกันกำจัดเชื้อราคุมไว้ เช่น พวก คาร์เบนดาซิม โพรพิเน็บ ฉีดสลับกันไป โดยเฉพาะช่วงฝนตกบ่อยๆ สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง เพื่อป้องกันโรคเชื้อรา เช่น พวกโรคขั้วผลเน่า ที่ทำให้ผลร่วงก่อนกำหนด โรคราจุดสีน้ำตาล ช่วงนี้อย่าให้ส้มโอขาดน้ำ เพราะจะทำให้ส้มโอผลนิ่ม เมื่อผลส้มโอพร้อมเก็บเกี่ยวได้เริ่มเปลี่ยนสีผิว ก็จะให้น้ำแบบพอควร ไม่ให้ดินแฉะชุ่มเกินไป เพื่อให้เนื้อส้มโอมีรสชาติดี ไม่แฉะน้ำ
ช่วงก่อนการเก็บเกี่ยว 15-30 วัน จะงดการฉีดพ่นสารเคมี ถ้ามีความจำเป็นก็ต้องเลือกใช้สารเคมีที่มีการสลายตัวเร็วไม่ตกค้างนาน การเก็บเกี่ยวเพื่อส่งออก ก็จะเก็บส้มโอความแก่ 80-90% ไม่เก็บส้มโอที่อายุหรือความแก่ไม่ได้กำหนด เพราะรสชาติจะอมเปรี้ยว ซึ่งเป็นความซื่อสัตย์ของเกษตรกรเอง จะส่งผลในการซื้อขายส้มโอในระยะยาว
หลังเก็บเกี่ยวส้มโอ
หลังเก็บเกี่ยวส้มโอหมดแล้ว การให้น้ำก็จะน้อยลง เพื่อให้ต้นส้มได้พักต้นบ้าง ถ้าหญ้ารกก็ต้องตัดหญ้าให้สะอาดเป็นการเปิดหน้าดินให้ดินแห้งเพื่อลดการเกิดโรครากเน่าโคนเน่า ถ้าจะฉีดพ่นป้องกันโรครากเน่าโคนเน่า ก็จะฉีดพ่นด้วยสารฟอสฟอริกแอซิด เมื่อเห็นว่าต้นส้มฟื้นสภาพก็จะมีการตัดแต่งกิ่งส้มโอ โดยจะตัดแต่งกิ่งพอประมาณ ไม่ควรตัดแต่งกิ่งหนัก จะตัดแต่งกิ่งที่แน่นหนาทึบ กิ่งกระโดงหนามภายในทรงพุ่ม กิ่งที่มีโรคและแมลงทำลาย กิ่งไขว้ เพื่อเป็นการจัดทรงพุ่มและให้มีแสงแดดส่องถึง
หลังการตัดแต่งกิ่งก็จะฉีดล้างต้นด้วยสารป้องกันกำจัดเชื้อราและแมลง จากนั้นก็จะเข้าสู่วงจรในการเตรียมต้นเตรียมใบ เช่น จะทำใบ รุ่นที่ 1 ก็จะต้องเริ่มการใส่ปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์เพื่อกระตุ้นให้ต้นส้มโอผลิใบอ่อนพร้อมๆ กันทั่วทั้งต้น เมื่อต้นส้มโอแตกใบอ่อนก็ต้องระวังเพลี้ยไฟทำลายยอดอ่อน หนอนชอนใบส้ม หนอนแก้ว เมื่อช่วงใบเพสลาดและเป็นช่วงหน้าฝนก็ต้องฉีดสารป้องกันกำจัดโรคแคงเกอร์ หากสังเกตว่าใบอ่อนที่แตกออกมาเหลือง ก็ฉีดพ่นเสริมด้วยฮอร์โมนธาตุอาหารเสริม เช่น สังกะสี แมกนีเซียม และแมงกานีส
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : https://www.opsmoac.go.th/chachoengsao-local_wisdom-preview-391291791812
Comments